Search This Blog

Tuesday, July 13, 2010

แจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามนโยบายของรัฐบาล


นโยบายรัฐบาลประชานิยม ส่งผลให้เงินผู้สูงอายุที่ในอดตีจ่ายผ่านกรมประชาสงเคราะห์ และเมื่อกระจายอำนาจแล้วก็ให้ท้องถิ่นดูแล โดยรัฐบาลกลางอนุมัติเงินจำนวนหนึ่งที่เคยให้กับกรมประชาสงเคราะห์ตามที่มีรายชื่ออยู่เดิมมาให้ และให้รัฐบาลท้องถิ่น สำรวจรายชื่อผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป มาขึ้นทะเบียนรับเงิน  ผู้นำชุมชนแต่ละท่านก็ไปสำรวจมา ปรากฎว่าผู้สูงอายุมีมากกว่า เงินที่รัฐบาลโอนมาให้ รัฐบาลท้องถิ่นก็โวย อ้าวโยนภาระมาให้แล้วไม่ดูแล  แถมยังบอกว่า ส่วนที่ไม่พอให้ท้องถิ่นหางบประมาณที่ไม่ค่อยจะเก็บได้เนี่ยนะ มาจ่าย เมื่อข่าวจะให้เงินผู้สูงอายุกระจายไปแล้ว บางท่านยังไม่เคยได้รับการสงเคราะห์ คนแ่ก่บางท่านก็สงสัยเป็นกำลัง คิดไปไกลขนาด เออ แก่ขนาดนี้แล้วยังจะมาหลอกกันอีกเหรอเนี่ย

รัฐบาลที่มีที่ปรึกษาเยอะแยะมากมาย มีความกังวลใจกับเรื่องนี้มาก นักวิชาการก็ให้คำแนะนำมาว่า จะต้องเป็นรัฐสวัสดิการ (Welfare State)แบบประเทศสวีเดน อะไรทำนองนั้น  อันที่จริงก็พูดกันมานานแล้วนะ ยังไม่ขยับเขยือนกันซะที แต่เอ มันจะเหมือนกันมั้ย ระหว่างเศรษฐีแจกเงิน กับคนจนเป็นหนี้เป็นสิ้นแล้วแจกเงิน
(เงินที่ให้เปล่า ไม่ก่อให้เกิดการลงทุน) มันจะเป็นอย่างไรละคราวนี้ เศรษฐีแจกเงินก็โอเค แต่รัฐบาลที่ยังอยู่ในภาวะงบประมาณขาดดุลเช่นขณะนี้  แจกเงิน อนาคตมันจะไปอย่างไรต่อ

เอาละ สรุปว่านโยบายดีก็แล้วกัน มาถึงคำถามว่าจะเอาเงินมาจากใหนกัน  เหล่าผู้ฉลาดปราดเปรื่องก็ระดมความคิดเห็น (Brain Strom) ว่า เอาเงินอุดหนุนท้องถิ่นมาใช้ละกัน ว่าแล้วก็โอนเงินที่เคยอุดหนุนให้ท้องถิ่นถ่ายเทไปเป็นเงินตามนโยบายของรัฐบาล ท้องถิ่นจะรู้มั้ยในตอนแรก เพิ่งร้องอ้อ เมื่อพบว่าไม่มีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางมาตามงวด  อั้ย หยา........

ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีด้วยตนเองได้ประมาณร้อยละ 20, 30, ของงบประมาณทั้งหมด นอกนั้นเป็นเงินอุดหนุน ดังนั้นเงินพัฒนาก็ไม่มี ใครเป็นนายกเทศมนตรีช่วงนี้ กลายเป็น "เจ๊กหมดทุน"  เสี่ยงต่อการไม่ได้รับเลือกตั้ง ต้องสงสารกันหน่อยละครับ

ส่วนดีของนโยบายก็ทำให้ผมได้มีโอกาสพบปะ คนชรา ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใย สอบถามสารทุกข์สุกดิบกัน จับมือจับไม้ อบอุ่น ชื่นใจ  แต่ทว่าคำถามสำคัญก็คือ นโยบายนี้จะมีความยั่งยืนหรือไม่ และถ้าจะให้เกิดความยั่งยืน คนสูงอายุมีสวัสดการเช่นนี้ตลอดไป จะต้องสร้างกลไกอะไรบ้าง น่าคิดจริงจริง

No comments:

Post a Comment